5 ลักษณะของทีมที่ไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน (Five Dysfunctions of a Team) แหล่งอ้างอิงและข้อมูลเพิ่มเติม Urbinner เป็นพื้นที่ที่ให้บุคคลทั่วไปและองค์กรได้เรียนรู้ความสุขที่มั่นคง โดยทีมนักจัดกระบวนการจะพาคุณไปเรียนรู้ทักษะที่นำไปสู่การเข้าใจตัวเอง มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบุคคล การตระหนักรู้้และเติบโตร่วมกัน เพื่อให้ทุกคนสามารถทำในสิ่งที่มีคุณค่าและความหมายสำหรับตัวเอง องค์กร และชุมชนของเราได้
ปรับปรุงการรับพนักงานใหม่ให้ดีขึ้น สอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้จากพนักงานใหม่ภายใน 6 เดือนแรกที่เขาเข้ามาทำงานในองค์กรของคุณ และใช้เวลาการพิจารณาในสิ่งที่พวกเขาบอกอย่างจริงจัง ซึ่งถ้าองค์กรของคุณสามารถปรับปรุงการรับพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยให้การต่องานของพนักงานเป็นไปด้วยความราบรื่น พนักงานทำงานเป็นทีมได้ง่ายขึ้น และช่วยลดอัตราการเข้าออกของพนักงาน (Turnover) ได้ด้วย 8. มีการประชุมร่วมกับพนักงานอย่างสม่ำเสมอ นี่คือเรื่องสำคัญที่หลายๆ องค์กรมองข้าม จริงๆ ควรให้พนักงานได้พบผู้บริหารระดับสูงเพื่อฟังแนวคิด เป้าหมาย และขั้นตอนการดำเนินงานขององค์กรในปัจจุบันบ่อยๆ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพราะนอกจากพนักงานจะรู้ความเคลื่อนไหวขององค์กร สร้างแรงจูงใจ และความฮึกเหิมในการทำงานแล้ว ผู้บริหารยังสามารถสอบถามปัญหาการทำงานจากพนักงานและให้ความช่วยเหลือแบบตัวต่อตัวได้จากการประชุมประจำเดือนด้วย ไม่ใช่เรื่องยากเลย แค่ใส่ใจพนักงาน พัฒนาคุณภาพการทำงาน คิดถึงอนาคตของพวกเขาให้มากขึ้น เท่านี้ก็ได้ใจไปเต็มๆ แล้ว ที่มา: ความรู้อื่นๆ ที่น่าสนใจ
ปรับทัศนคติและพันธกิจให้ชัดเจน ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่มีวิสัยทัศน์ ทำงานไปวันๆ พนักงานจะเอาความมั่นใจและแรงจูงใจในการทำงานมาจากไหน ไหนๆ ก็ปีใหม่แล้ว ลองเริ่มต้นหรือย้ำเตือนให้พนักงานทราบถึงจุดยืนขององค์กรให้ชัดเจนอีกครั้ง ว่าองค์กรของคุณจะเดินไปในทิศทางใด มีเป้าหมายอย่างไร และคุณต้องการจะก้าวไปพร้อมๆ กับพนักงานทุกคนจริงๆ 2. แบ่งหน้าที่ให้ชัดเจน ทุกคนในทีมควรรู้หน้าที่และบทบาทของตัวเองอย่างชัดเจน ซึ่งหัวหน้าทีมมีส่วนอย่างมากในการชี้แจงบทบาทและหน้าที่ของแต่ละคน หากงานสะดุดหรือมีพนักงานที่สร้างภาระงานให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นมากขึ้น หัวหน้างานควรเข้าไปตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น และหาหนทางแก้ไขทันที 3. ตรวจสอบความสำเร็จในการทำงานของพนักงาน พนักงานทุกคนควรมีดัชนีชี้วัดความสำเร็จ (KPI) ส่วนหัวหน้าก็คอยตรวจสอบหรือประเมินอย่างต่อเนื่องว่าพนักงานทำงานครบถ้วนตามหน้าที่ที่ได้รับหรือไม่ ถูกต้องตามที่กำหนดหรือเปล่า ซึ่งจะช่วยให้องค์กรและตัวพนักงานเองมีความก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ทางที่ดีควรมีรางวัลสำหรับพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ดี เพื่อเป็นกำลังใจและทำให้พนักงานที่ยังไม่เคยได้รับรางวัลมีความกระตือรือร้นมากขึ้นด้วย 4.
การทำงานร่วมกัน คนโดยมากต้องการที่จะทำงานในสภาวะแวดล้อมที่สามารถสร้างแรงจูงใจและสร้างแรงบันดาลใจได้ และที่สำคัญคือการทำงานร่วมกันกับคนอื่นที่มีผลผลักดันให้กันและกันประสบความสำเร็จ พนักงานจำนวนหนึ่งลาออกจากองค์กรเพียงเพราะรู้สึกว่าจะทำอะไรสักที ก็ดูเหมือนวุ่นวายไปหมด ความคิดอยากจะช่วยเหลือกัน สนับสนุนกัน แทบจะไม่มีในองค์กร ทุกอย่างต้องจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษร ผ่านหัวหน้าอนุมัติ มีขั้นตอนมากมาย 3. ความยุติธรรม คนทุกคนต้องการทำงานกับองค์กรที่มีการจ่ายค่าตอบแทน สวัสดิการ และปริมาณงานที่ยุติธรรมและเสมอภาค ต้องการที่จะทำงานกับคนที่ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ในฐานะพนักงานทุกคนต้องการที่จะรู้สึกว่า ผู้บริหารและองค์กรในภาพรวมกำลังให้การดูแลพวกเขาและลูกค้าอย่างสม่ำเสมอและยุติธรรม จริงๆแล้ว จากการพูดคุยของผมกับพนักงานหลายๆคนพบว่า หนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้พนักงานตัดสินใจลาออก คือ ความรู้สึกที่เขาได้รับจากองค์กรและผู้บริหารว่า ไม่มีความยุติธรรมและความเสมอภาคให้กับเขา 4. อิสรภาพ อิสรภาพในที่นี่หมายถึง การที่พนักงานได้รับข้อมูลที่เหมาะสมและจำเป็นสำหรับการทำงาน และการได้รับอำนาจในการตัดสินใจในงานที่ตนเองทำอยู่ ไม่ใช่ทุกอย่างต้องคอยรายงานหัวหน้า เพื่อให้หัวหน้าตัดสินใจก่อนจึงจะทำงานได้ 5.
อัพเดตเมื่อ: มี. ค.
ความต้องการของพนักงาน ต้องการผู้นำที่ดี ต้องการได้รับการปฏิบัติด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ต้องการโอกาสในความก้าวหน้าในการงาน ต้องการอิสระเสรีพอสมควรในการทำงาน ต้องการการยอมรับจากเพื่อนร่วมงาน ต้องการความมั่นคงและปลอดภัยในการทำงาน ต้องการสภาพการทำงานที่สะดวกและสบายเท่าเทียมกับผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ต้องการความมีคุณค่า ต้องการความยุติธรรมและเสมอต้นเสมอปลาย by IMPRESSION ความรู้อื่นๆ ที่น่าสนใจ
การยอมรับ จากการวิจัยพบว่า คนทุกคนต้องการได้รับคำชมบ้างในการทำงาน ได้รับการยอมรับ ได้รับการขอบคุณสำหรับสิ่งที่พวกเขาได้ทำไป การชมเชยเป็นปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดพลังในการทำงาน เพราะคนเราเมื่อทำงานไป จะไม่สามารถรู้ตนเองได้เลยว่า ทำงานได้ดีแล้วหรือยัง จนกว่าจะมีคนบอก ซึ่งการชมเชยเป็นวิธีการหนึ่งในการบอกให้พนักงานได้ทราบถึงผลการทำงานของเขา แต่วัฒนธรรมของคนไทยซึ่งเชื่อกันว่า การชมจะทำให้คนเหลิงนั้น ส่งผลให้พนักงานได้รับการกระทำสองอย่างจากหัวหน้าคือ โดนต่อว่า (หรือถ้าภาษาพื้นเมืองหน่อยก็คือ โดนด่า) กับเฉย ๆ (คือไม่ด่า! ซึ่งหัวหน้าหลาย ๆ คนไปตั้งกฎเอาเองว่า ไม่ด่าแปลว่า โอเค) ดังนั้นในการที่จะสร้างพลังในการทำงานให้กับพนักงานได้นั้น หัวหน้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้าง ชมเชยลูกน้องเมื่อลูกน้องทำงานได้ดี แต่ผมแนะนำว่าอย่าชมทุกอย่างหรือทุกเรื่องที่ลูกน้องทำ เพราะนั่นจะทำให้กลายเป็นว่า หัวหน้าหรือองค์กรไม่มีความจริงใจให้กับลูกน้อง 6. การเติบโต การเติบโตในที่นี่ ผมไม่ได้หมายถึงการเติบโตทางร่างกาย (ซึ่งผมคิดว่า หลายคนคงไม่อยากเติบโตทางด้านนี้เท่าไรนัก ร่วมถึงตัวผมเองด้วย ฮา! ) การเติบโตในที่นี่หมายถึง การเติบโตและพัฒนาด้านทักษะและความรู้ต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้มีการเติบโตของหน้าที่การงานตามมา ถ้าจะให้ชัดเจนมากขึ้น หนึ่งในวิธีการที่จะทำให้พนักงานรู้สึกถึงการเติบโตได้ดีคือ การที่เขาได้รู้ว่า เขาเป็นส่วนหนึ่งหรือเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในแผนของกระบวนการการพัฒนาเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน 7.
ระบบ I Smart Mg Zs, 2024