2472 เป็นพลตำรวจโท [3] บรรดาศักดิ์ [ แก้] 18 พฤษภาคม พ. 2451 เป็นหลวงนรพรรคพฤฒิกร ศักดินา ๖๐๐ [4] 1 มกราคม พ. 2455 เป็นพระอธิกรณ์ประกาศ ศักดินา ๘๐๐ [5] 17 ธันวาคม พ. 2458 เป็นพระยาอธิกรณ์ประกาศ ถือศักดินา ๑๐๐๐ [6] ตำแหน่ง [ แก้] 15 พฤศจิกายน พ. 2441 ตำแหน่งล่าม เงินเดือน 50 บาท 26 มิถุนายน พ. 2447 เป็นนายเวรสรรพการ [7] เงินเดือน 100 บาท 25 มิถุนายน พ. 2448 เป็นปลัดกรมสรรพการ [8] เงินเดือน 200 บาท 31 ตุลาคม พ. 2452 เป็นเจ้ากรมกองพิเศษ [9] เงินเดือน 400 บาท 26 มีนาคม พ. 2458 เป็นผู้บังคับการกองพิเศษ เงินเดือน 500 บาท 17 พฤศจิกายน พ. 2465 เป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาลกรุงเทพฯ [10] เงินเดือน 700 บาท 28 ธันวาคม พ. 2465 เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลกรุงเทพฯ [11] เงินเดือนเท่าเดิม 1 พฤษภาคม พ. 2472 รั้งอธิบดีกรมตำรวจภูธร [12] เงินเดือน 900 บาท ราชการพิเศษ [ แก้] 14 กันยายน พ. 2459 เป็นราชองครักษ์เวร [13] 29 เมษายน พ. 2463 เป็นกรรมการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยคนต่างชาติเข้าเมือง 4 เมษายน พ. 2466 เป็นองคมนตรี [14] 17 มิถุนายน พ. 2469 เป็นกรรมการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเดินทางเข้าในพระราชอาณาจักร พระราชบัญญัติค้าหญิงแลเด็ก 19 กันยายน พ.
พลตำรวจโท พระยาอธิกรณ์ประกาศ (หลุย จาติกวณิช) เกิด 6 พฤษภาคม พ. ศ. 2419 จังหวัดพระนคร ประเทศสยาม เสียชีวิต 16 พฤษภาคม พ. 2498 (78 ปี) คู่สมรส คุณหญิงองุ่น อธิกรณ์ประกาศ เสงี่ยม บุตร 8 คน บิดามารดา ปาน จาติกวณิช ฮ้อ จาติกวณิช พลตำรวจโท พระยาอธิกรณประกาศ เป็นอธิบดีกรมตำรวจคนที่ 2 ของประเทศไทย และต้นสกุลจาติกวณิช โดยเป็นนามสกุลพระราชทานลำดับที่ ๑๒๑๑ [1] พระยาอธิกรณ์ประกาศ มีชื่อจริงว่าว่า หลุย จาติกวณิช (ชื่อเดิม: ซอ เทียนหลุย) เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ. 2419 ตรงกับวันเสาร์ ที่บ้านตำบลตลาดน้อย อำเภอสัมพันธวงศ์ จังหวัดพระนคร เป็นบุตรของนายปาน และ นางฮ้อ จาติกวณิช มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 8 คน ในวัยเยาว์ ได้ศึกษาวิชา ณ โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก สอบไล่ได้หลักสูตรชั้นที่ 5 แล้วจึงออกจากโรงเรียนไปทำงานเป็น เสมียน ที่ ห้างบอเนียว 4 ปี ต่อมาเมื่ออายุ 18 ปี บิดาถึงแก่กรรม จึงได้ลาออกจากห้างบอเนียว เมื่อ พ. 2441 มารับราชการในตำแหน่งล่ามภาษาอังกฤษ กรมกองตระเวน กระทรวงนครบาล หลังจากนั้นจึงได้เลื่อนยศและตำแหน่ง ดังนี้ ยศ [ แก้] 31 มกราคม พ. 2458 เป็นพันตำรวจเอก 16 มีนาคม พ. 2462 เป็นพลตำรวจตรี [2] 1 พฤศจิกายน พ.
ราชบุรี คุมเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการอ่านเกมเล่นกับตัวประกบยักษ์ใหญ่ ซึ่งเขาน่าจะมีการบ้านที่สำคัญมากมายกลับไปพัฒนาตัวเอง ให้กลายเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักของทีมชาติไทย - ประวีณวัช บุญยงค์ (กองหลัง) 1 เกมที่ได้เป็นกัปตันทีม แต่ว่าเขาลงสนามครบทั้ง 6 นัดให้กับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ต้องยอมรับว่า "บิ๊ก" เก๋าประสบการณ์อย่างมาก โดยเฉพาะการเคลื่อนที่ที่ทำชิ่งบอลจากหลังขึ้นหน้า รวมทั้งการอ่านเกม แถมยังมีโอกาสเติมขึ้นไปยิงประตูจากหน้าเขตโทษฝั่งตรงข้ามเสียด้วย
2469 เป็นกรรมการไปประชุมข้อราชการที่เมืองปีนัง และสิงคโปร์ 22 มิถุนายน พ. 2471 เป็นกรรมการร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์ รับตำแหน่งสูงสุดเป็น อธิบดีกรมตำรวจ (ปัจจุบันคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ. 2472 เงินเดือน 1, 100 บาท ตราบจนกระทั่งเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อปี พ. 2475 จึงถูกพักราชการ ถึงวันที่ 3 กรกฎาคม พ. 2475 จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ปลดออกราชการ [15] รับพระราชทานเบี้ยบำนาญ มีอายุราชการได้ 33 ปี 7 เดือน 18 วัน ครอบครัว [ แก้] ด้านชีวิตครอบครัว ได้สมรสกับ คุณหญิงองุ่น อธิกรณ์ประกาศ มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ พ. ต. ท. กษม จาติกวณิช ศ. นพ. กษาน จาติกวณิช และมีบุตรเกิดจากภรรยา ชื่อเสงี่ยม อีก 6 คน คือ นาย เกษม จาติกวณิช นายเกษตร จาติกวณิช นาย ไกรศรี จาติกวณิช นางโกศล จรัลชวนะเพท นางโกสุม ศรุตานนท์ นางโกศัลย์ ล่ำซำ การเมืองและชีวิตหลังบำนาญ [ แก้] ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ. 2475 ไม่นาน พระยาอธิกรณ์ประกาศ ในฐานะอธิบดีกรมตำรวจและข้าราชบริพารใกล้ชิด สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ผู้รักษาพระนคร และเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ได้ถวายรายงานต่อพระองค์ท่านถึงรายชื่อบุคคลต่าง ๆ ใน คณะราษฎร ที่มีพฤติการณ์น่าสงสัยว่าจะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อบ้านเมือง แต่พระองค์ท่านไม่ทรงเชื่อ ด้วยทรงเห็นว่าบุคคลเหล่านี้ไม่น่ามีศักยภาพเพียงพอ แต่ทางตำรวจโดยพระยาอธิกรณ์ประกาศ ก็ยังได้ส่งตำรวจภูบาล (ตำรวจสันติบาล ในปัจจุบัน) เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของบุคคลต่าง ๆ ในคณะราษฎรอย่างใกล้ชิดถึงบริเวณหน้าบ้านพัก ในเช้าวันที่ 24 มิถุนายน พ.
2466 เป็นพระมหานิกาย ณ อ. แซงบาดาล จ.
30 น. ท่านได้กล่าวว่าท่านประคองธาตุขันธ์ต่อไปไม่ไหว คงจะปล่อยวางแล้ว ขอเอาจิตอย่างเดียว และขอขอบใจที่พระเณรได้ช่วยกันอุปัฏฐากท่าน หากได้ล่วงเกินซึ่งกันและกัน ก็ขอให้อโหสิกรรมให้แก่กันและกันด้วย และในวันที่ 25 ธันวาคม พ. 2532 เวลา 00. 43 น. หลวงปู่หลุยท่านได้มรณภาพด้วยอาการสงบเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ. 2532 ตรงกับรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อ้างอิง [ แก้]
หนองคาย ได้อยู่อบรมรับฟังโอวาทและฝึกปฏิบัติกับพระอาจารย์มั่น จวบจนเข้าพรรษา จึงกลับมาจำพรรษาต่อกับพระอาจารย์เสาร์ ที่วัดพระพุทธบาทบัวบก ในพรรษานี้ ท่านได้ภาวนาจนจิตรวมแล้วเกิดอาการสะดุ้ง พระอาจารย์บุญ จึงให้ญุตติจตุถกรรมใหม่ที่ วัดโพธิสมพรณ์ อ. เมือง จ. อุดรธานี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2468 โดยมี พระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระอาจารย์บุญ ปญญาวโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลังจากนั้นท่านก็ปฏิบัติธุดงค์กรรมฐานเรื่อยมา และได้ วิชาม้างกาย ที่ถ้ำบ้านโพนงาม จ.
2497 จึงป่วยเป็นไตพิการกำเริบ แพทย์รักษาสุดความสามารถ จนถึงอนิจกรรม เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ. 2498 สิริอายุได้ 78 ปี เครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุด [ แก้] อ้างอิง [ แก้]
หลุยส์ อาร์มสตรอง ข้อมูลพื้นฐาน เกิด 4 สิงหาคม ค. ศ. 1901 เสียชีวิต 6 กรกฎาคม ค. 1971 (69 ปี) แนวเพลง Jazz, Dixieland, Swing, Traditional pop อาชีพ นักดนตรี นักร้อง นักแสดง เครื่องดนตรี ทรัมเป็ต, คอร์เน็ต ช่วงปี 1914- 1971 หลุยส์ อาร์มสตรอง ( อังกฤษ: Louis Armstrong) (4 สิงหาคม ค. 1901 - 6 กรกฎาคม ค.
ระบบ I Smart Mg Zs, 2024