ใครเหมาะสมที่จะมีลูก ผู้ติดเชื้อที่จะมีลูกได้ ต้องร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคติดเชื้อแทรกซ้อน ติดตามการรักษาและใช้ยาต้านไวรัสสม่ำเสมอ มีผลเลือดปริมาณไวรัสน้อยกว่า 50 (Viral load < 50 copies/mL) และค่าเม็ดเลือดขาว CD4 มากกว่า 350 (CD4 > 350 cells/mm 3) 2. กรณีฝ่ายชายติดเชื้อ ฝ่ายหญิงปกติ รักษาด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว/อิ๊กซี่ โดยน้ำเชื้อที่นำมาใช้จะผ่านขั้นตอนการล้างเชื้อ HIV เพื่อลดโอกาสการถ่ายทอดเชื้อ 3. กรณีฝ่ายหญิงติดเชื้อ ฝ่ายชายปกติ ใช้วิธีการฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูกฝ่ายหญิง ทดแทนการมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติ 4. กรณีติดเชื้อทั้งสองฝ่าย รักษาด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว/อิ๊กซี่ โดยน้ำเชื้อที่นำมาใช้จะผ่านขั้นตอนการล้างเชื้อ HIV เพื่อลดโอกาสการถ่ายทอดเชื้อ 5. เมื่อตั้งครรภ์แล้ว การติดเชื้อจะรุนแรงขึ้นหรือไม่ การตั้งครรภ์ไม่ได้ทำให้การติดเชื้อ HIV รุนแรงมากขึ้นถ้าดูแลกินยาเหมาะสม 6. เมื่อตั้งครรภ์แล้ว ลูกในท้องจะมีโอกาสติดเชื้อไปด้วยหรือไม่ เมื่อตั้งครรภ์แล้ว หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อจะต้องใช้ยาต้านไวรัสต่อเนื่อง และฝากครรภ์อย่างใกล้ชิด เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อไปสู่ลูก โดยปัจจุบันอัตราการติดเชื้อจากแม่ไปลูกพบได้น้อยกว่าร้อยละ 2 ซึ่งถือว่าต่ำมาก และอยู่ในระดับปลอดภัยหากอยากจะตั้งครรภ์ครับ Readers Rating Rated 4.
นพ. ยุทธนา: ไม่จริง และสรรพคุณของยาลดไข้ ยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบก็ไม่เหมือนกัน เช่น ยาแก้อักเสบปฏิชีวนะไม่ได้ช่วยลดไข้ แต่เป็นยาฆ่าเชื้อโรค อย่างไรก็ตาม ยาบางกลุ่มอย่างแอสไพริน ถือเป็นยาลดไข้และแก้อักเสบแต่ไม่ใช่ยาปฏิชีวนะได้ด้วย แต่ไม่ใช่แก้อักเสบสำหรับฆ่าเชื้อ เป็นเพียงยาแก้อักเสบ ที่บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ นอกจากนี้ ยาแก้ปวดแก้ไข้นั้น ปกติมีฤทธิ์เพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น เพราะฉะนั้น การกินยา จึงต้องกินให้ถูกโรค เช่น เชื้อแบคทีเรียต้องใช้ยาปฏิชีวนะ เชื้อไข้หวัด ร่างกายสามารถเยียวยาได้ด้วยตัวเอง หากร่างกายแข็งแรงพอ ก็สามารถหายได้เอง Q: กินยากับนมหรือน้ำส้ม ทำให้ยาออกฤทธิ์ไม่ได้ประสิทธิภาพ? นพ. ยุทธนา: ขึ้นอยู่กับชนิดของยา เนื่องจากยาบางชนิดดูดซึมได้ดี ถ้าอยู่ในภาวะเป็นกรด บางชนิดอยู่ในภาวะเป็นด่าง บางชนิดอยู่ในภาวะเป็นกลาง บางชนิดต้องกินก่อน-หลังอาหาร หรือต้องกินพร้อมอาหารหรือห้ามกินพร้อมอาหารบางชนิด Q: คนที่เป็นโรคเลือดจาง ควรกินตับและเครื่องในสัตว์ จะช่วยลดภาวะเลือดจางได้? นพ.
ระบบ I Smart Mg Zs, 2024